สาวไม่ตรงปกซึ่งเคยสร้างวีรกรรมหลอกนัทโอนไว ล่าสุดกลับมาทำพฤติกรรมแบบเดิม หลอกเงินผู้ชาย เหยื่อสายเปย์รายล่าสุด โดนตุ๋นไปแล้ว 4 แสนบาท ก่อนหน้านี้หากใครจำกันได้กรณีของ นัท โอนไว ชายหนุ่มซึ่งถูกหญิงสาวที่ชื่อ ผึ้ง ใช้โปรไฟล์รูปสาวสวยซึ่งรู้จักผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่หลอกเอาเงินไปรวมนับแสนบาท ล่าสุดหญิงสาวคนดังกล่าวก็ถูกแฉว่าได้กลับมาสร้างวีรกรรมแบลบเดิมอีกครั้ง โดยเที่ยวนี้ผู้ที่ออกเปิดเผยข้อมูล ได้แก่ ผู้เสียหายซึ่งถูกนำรูปโปรไฟล์ไปใช้ตุ๋นเหยื่อนั่นเอง
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Bonus Kwanruedee Phaticharoenchai
ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยเมื่อวันที่ 2 ต.ค.64 พร้อมกับบอกเล่าถึงพฤติกรรมของ ผึ้ง ที่แอบเอารูปของเธอไปใช้จนผู้ชายซึ่งโดนหลอกได้นำภาพของเจ้าของโพสต์ไปแชร์ลงสื่อโซเชียล สร้างความเข้าใจผิดและความเสียหายให้กับเจ้าของโปรไฟล์ตัวจริงเป็นอย่างมาก สำหรับวีรกรรมเที่ยวใหม่ของผึ้งก็ไม่ธรรมดา เพราะจากข้อมูลของผู้ที่โพสต์เล่าเรื่องนั้น ระบุว่า คนร้ายได้ไปหลอกเหยื่อเท่าที่เธอสืบทราบข้อมูล คือ มีด้วยกัน 3 ราย
ผู้เสียหายคนที่ 1 ไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ซึ่งผู้เสียหายรายนี้บอกว่าได้คุยกับผึ้งที่ใช้รูปโปรไฟล์ปลอมมาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2563 ต่อมาในปี 64 ผู้เสียหายรายที่ 2 นำรูปหน้าของเจ้าของโปรไฟล์ตัวจริงไปลงในเพจแชร์คนโกง จนเจ้าของรูปทราบข่าวและสืบสาวราวเรื่องว่าผู้ก่อเหตุก็ยังคือ ผึ้ง คนเดิม ยังคงนำรูปสาวสวยไปใช้หลอกผู้ชายคนอื่นอีก แม้จะถูกแจ้งความไปแล้ว แต่ก็ยังคงกระทำผิดแบบเดิมโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆ ขณะเดียวกันหลังจากเจ้าของรูปโปรไฟล์ตัวจริงได้โพสต์เตือนภัยไปในทีแรก จากนั้นก็ได้มีพยานมาแจ้งเพิ่มเติมว่า มีผู้ชาย (ผู้เสียหายคนที่3) ซึ่งถูกหลอกอีกคน โดยผึ้งใช้รูปของเราไปหลอกได้เงินไปเกือบ 4 แสนบาท แต่ผู้เสียหายคนที่สามไม่ขอดำเนินคดีเพราะไม่อยากให้มีปัญหาครอบครัว
เจ้าของโพสต์ ระบุว่า เธอได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้แล้ว 2 ที่ ครั้งแรกที่ สน.คันนายาว ในปี2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทราบว่าผึ้งนำรูปเราไปหลอกเงินผู้เสียหาย ครั้งที่2 เมื่อเดือนกันยายน ปี 2564ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีCCIB กับพลตำรวจตรีรณชัย จินดามุข เป็นผู้รับเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของโพสต์ซึ่งถูกนำรูปโปรไฟล์ไปใช้หลอกผู้เสียหายจำนวนมาก ยืนยันว่าจะเอาเรื่องพร้อมกัยดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ การสร้างเฟซบุ๊กปลอมและลงรูปผู้อื่น พร้อมด้วยข้อความที่สร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น ยังถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ตามมาตรา 16 ที่ระบุว่า
“ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท”
ศาลฎีกา ยืน จำคุกตลอดชีวิต ‘อ๊อฟ สุรพล’ คดี น้องหญิงตกรถเทรลเลอร์
สืบเนื่องจากคดีสะเทือนขวัญเมื่อปี พ.ศ.2561 น้องหญิง น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขากลับได้เดินทางกลับกับ นายอ๊อฟ สุรพล ดาราคำ ด้วยรถเทรลเลอร์ของนายอ๊อฟ ต่อมาได้เกิดเหตุ น้องหญิง กระโดดลงจากรถได้รับบาดเจ็บกะโหลกศรีษะแตก และสมองบวม จนเสียชีวิต ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการตายว่าอาจเป็นการฆาตกรรม
ต่อมาเมื่อญาติแจ้งความ นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาล นายอ๊อฟ โดนข้อกล่าวหาา กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วยเหนี่ยวหรือกักขังถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความ และฆ่าผู้อื่น ส่วน น.ส. เป็ด เพื่อน้องหญิง โดนข้อหา ข้อหาให้การสนับสนุน หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำการด้วยประการใดให้ผูอื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเป็นให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังถึงแกความตาย
ผลการตัดสินของศาลชั้นต้น เมื่อ ก.ค. 2562 พิพากษา ยกฟ้อง นายสุรพล และน.ส.เป็ด เนื่องจากผลชันสูตรศพของฝ่ายโจทก์และจำเลยมีความขัดแย้งกันโดยฝ่ายโจทก์ชี้ว่าที่ศีรษะถูกตีด้วยของแข็ง แต่ฝ่ายจำเลยชี้ว่าเกิดจากอุบัติเหตุ และฝ่ายโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้คลายความสงสัยได้ว่าของแข็งที่ใช้ตีที่ศีรษะของผู้ตายคืออะไร
ต่อมา พ.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ เป็นพิพากษาตลอดชีวิต นายอ๊อฟ ด้วยศาล เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟัง ได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้ของแข็งไม่ทราบชนิดและขนาดตีศีรษะผู้ตายอันเป็นอวัยวะสำคัญ เป็นเหตุให้กะโหลกศีรษะแตก สมองช้ำเลือดบวม ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ข้อต่อสู้นำสืบคดีของจำเลยที่ 1 มีข้อพิรุธสงสัย ไม่สามารถ รับฟังเพื่อหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ การกระทำ ของจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ คำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ล่าสุดวันนี้ 5 ต.ค. 2564 มีรายงานว่า ศาลฎีกา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกตลอดชีวิต
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป